icon-facebook icon-line icon-blockdit icon-twitter icon-instagram

ดาวน์โหลดเลย

ดาวน์โหลด qr-code
iconดาวน์โหลดแอปฯ MorDee
background
Bubble
Bubble
Bubble
Bubble

งูสวัด! รู้ทันและป้องกันอย่างถูกวิธี เริ่มต้นที่คุณและครอบครัว

งูสวัด! รู้ทันและป้องกันอย่างถูกวิธี เริ่มต้นที่คุณและครอบครัว icon
  • โรคงูสวัด ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ผิวบริเวณที่เป็น เจ็บแปล๊บ ๆ เหมือนโดนเข็มทิ่ม หรือรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต1

  • กว่า 90% ของผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงต่อโรคงูสวัด2

โรคงูสวัด จัดเป็นภัยเงียบของผู้ที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป ถึงแม้ภายนอกจะยังดูแข็งแรงดี แต่ก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดโรคได้เมื่อร่างกายอ่อนแอลง ไม่เฉพาะตัวผู้ป่วยเองเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบไปยังลูกหลานที่เป็นผู้ดูแลผู้ป่วยอีกด้วย

 

สาเหตุของโรค

โรคงูสวัด จะเกิดขึ้นในผู้ที่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อนเท่านั้น เมื่อหายจากอีสุกอีใสแล้ว แต่เชื้อไวรัส Varicella ที่ทำให้เกิดโรคก็ยังไม่หายไปจากร่างกาย แต่กลับไปซ่อนตัวตามปมประสาท รอวันที่ร่างกายอ่อนแอหรือภูมิคุ้มกันตก เชื้อไวรัสจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนทำให้เส้นประสาทอักเสบ และกลายเป็นโรคงูสวัด

 

ดังนั้น ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปที่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน จึงมีความเสี่ยงเป็นโรคงูสวัด เพราะมีเชื้ออยู่ในร่างกายอยู่แล้ว  

 

ระยะและอาการของโรค

 

อาการของงูสวัดจะเริ่มจาก รู้สึกปวดแสบปวดร้อนบนผิวหนังก่อนจะมีผื่นแดงปรากฏขึ้นบริเวณดังกล่าว จากนั้นจะกลายเป็นตุ่มน้ำใส แล้วกลายเป็นตุ่มหนอง ในบางรายอาจมีไข้ต่ำ ๆ หลังจากนั้นตุ่มจะแตก และตกสะเก็ดในที่สุด และหายได้ในเวลา 2 สัปดาห์1 และหลังจากหายแล้วอาจยังมีอาการปวดตามแนวเส้นประสาทได้

 

ส่วนในผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปี อาจมีอาการรุนแรงได้มากกว่า มีระยะเวลาของโรคนานกว่า และอาจมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในระยะยาว เช่น มีอาการปวดเส้นประสาท (Postherpetic neuralgia - PHN) ซึ่งอาจปวดเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ หลายเดือน หรือหลายปีได้4

 

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

นอกจากอาการของโรคงูสวัดแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง หรือหากเชื้องูสวัดขึ้นตาก็เสี่ยงทำให้ตาบอดได้ 1

 

ยิ่งไปกว่านั้น ก็ยังมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอย่าง โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)1 หรือ โรคหลอดเลือดหัวใจ3 ไปจนถึง  กล้ามเนื้อใบหน้าเป็นอัมพาตครึ่งซีก1 ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นได้เช่นกัน

 

การป้องกันโรคงูสวัด

แม้ว่าโรคงูสวัดจะมีอันตรายกว่าที่คิด โดยเฉพาะกับผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่าง เบาหวาน ความดัน หัวใจ ไต แต่ก็สามารถป้องกันการเกิดโรคไว้ก่อนได้ ด้วยวิธีง่าย ๆ 4

 

เริ่มต้นที่ตัวเอง

  • สำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปที่ยังแข็งแรงดี สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลตัวเองง่าย ๆ
  • กินอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด

 

เริ่มต้นที่บ้าน

ลูกหลานสามารถดูแลพ่อแม่ ป้องกันไม่ให้เกิดโรคงูสวัดได้ด้วยการจัดบ้านให้เหมาะสมต่อวิถีชีวิตประจำวันของผู้สูงวัย และสามารถพาพ่อแม่รับวัคซีนสำคัญ ๆ รวมทั้งวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด เพื่อป้องกันความเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นได้

 

ชนิดของวัคซีน5

ขณะนี้ในประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันงูสวัด  2 ชนิด ได้แก่

วัคซีนหน่วยย่อยรีคอมบิแนนท์ (RZV) ฉีดได้ในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือ ผู้อายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และมีความเสี่ยงต่อการเป็นงูสวัด ส่วนวัคซีนเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (LZV) ใช้ฉีดได้ในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป

 

ทั้งนี้ผู้รับวัคซีนรวมถึงลูกหลาน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ และรับการฉีดอย่างถูกต้อง

 

งูสวัด เป็นโรคที่มีความรุนแรง และไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดโรคขึ้นเมื่อไร ทางที่ดีที่สุดคือ ป้องกันการเกิดโรคไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ตามวิธีการดังกล่าวข้างต้น เพื่อไม่ให้งูสวัดรบกวนการใช้ชีวิตในระยะยาว1

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Harpaz, R. (2008). MMWR, 57(RR-5), 1–CE4.
  2. Migasena, S.(1997). International Journal of Infectious Diseases, 2, 26-30.
  3. Erskine N. (2017) PLoS One;12:e0181565
  4. Marra F. (2020). Open Forum Infectious Diseases;609

Infectious Disease Association of Thailand.(2023). Recommended Adult and Elderly Immunization Schedule.

NP-TH-HZU-WCNT-240009 | ธันวาคม 2024

แชร์บทความ:

บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

ดูทั้งหมด

ยอมรับนโยบายการใช้คุกกี้

การตั้งค่าคุกกี้
นโยบายการใช้คุกกี้นี้ จะอธิบายถึงประเภท เหตุผล และลักษณะการใช้คุกกี้ รวมถึงวิธีการจัดการคุกกี้ ของเว็บไซต์ทั้งหมด โดยท่านสามารถดูรายการคุกกี้และตั้งค่าการยอมรับการใช้งาน ดูรายละเอียดเพิ่มเติม