ยาคุมฉุกเฉิน ควรกินเมื่อใด? ทำไมไม่ควรกินบ่อย?

หากต้องการป้องกันหรือลดโอกาสตั้งครรภ์ นอกจากการกินยาคุมแบบปกติแล้ว ยังมี ยาคุมฉุกเฉิน แต่ยาคุมแบบนี้ไม่ควรกินบ่อย เพราะอาจส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้

แล้วยาคุมฉุกเฉินควรกินตอนไหน? กินมากเกินไป จะส่งผลอันตรายอย่างไร? พบคำตอบจากคุณหมอวรมา เกษมพิพัฒน์ชัย สูตินรีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ และเวชศาสตร์ทางเพศ ประจำแอปฯ หมอดี ได้ในบทความนี้

ยาคุมฉุกเฉิน คืออะไร? 

ยาชนิดนี้ เรียกว่า Emergency Contraceptive Pills เป็นยาที่มีปริมาณฮอร์โมนสูงมาก ข้อบ่งใช้ยาคือให้กินหลังมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 72 ชม.  

ยาคุมฉุกเฉิน มีกลไลการทำงานอย่างไร?

•  ช่วยทำให้การตกไข่เลื่อนออกไป 
•  รบกวนการปฎิสนธิของไข่กับอสุจิ  
•  ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะสมกับการฝังตัวอ่อน

ยาคุมฉุกเฉิน ควรกินเมื่อใด?

1. เมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
2. เมื่อการป้องกันหรือคุมกำเนิดเกิดความผิดพลาด เช่น ถุงยางอนามัยฉีกขาด หลุด รั่ว หรือลืมกินยาคุมแบบปกติ
3. ถูกบังคับ ขืนใจ มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ยินยอม

ยาคุมฉุกเฉิน ควรใช้เมื่อฉุกเฉินเท่านั้น อย่ากินบ่อย!

เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนต่อเม็ดสูงมาก หากกินเป็นประจำ อาจส่งผลให้ฮอร์โมนทำงานผิดปกติ รวมทั้งมีผลข้างเคียงมากมาย อาทิ

• มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน พะยืดพะอม
• ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีเลือดออกระหว่างเดือน ปวดท้องและเจ็บคัดเต้านมมาก
• ส่งผลเสียต่อผู้ที่เป็นโรคตับ นิ่วในถุงน้ำดี เบาหวาน โรคหัวใจ
• หากกินตอนตั้งครรภ์ไปแล้วโดยไม่รู้ตัว อาจทำให้ทารกพิการได้
• เสี่ยงภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน

1. ยาคุมฉุกเฉิน = ยาทำแท้ง? 

X ไม่จริง - หากกินเข้าไปหลังจากที่ตัวอ่อน ฝังตัวในเยื่อบุโพรงมดลูกแล้ว ยาตัวนี้จะไม่สามารถยับยั้งการตั้งครรภ์ได้

2. ยาคุมฉุกเฉิน ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้? 

X ไม่จริง -  วิธีป้องกันที่ดีคือ การสวมถุงยางอนามัย หรือฉีดวัคซีนป้องกันโรค เช่น วัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก

3. ยาคุมฉุกเฉิน ป้องกันการตั้งครรภ์ดีกว่าวิธีคุมกำเนิดแบบทั่วไป ?

X ไม่จริง - แม้จะกินยาคุมชนิดนี้อย่างถูกต้อง คือ กินภายใน 24 - 72 ชม. หลังมีเพศสัมพันธ์ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงสุด เพียง 85% เท่านั้น ในขณะที่การกินยาคุมปกติ ถ้ากินครบและถูกต้อง จะช่วยป้องกันได้ถึง 99.7% เลยทีเดียว

ทางที่ดี หากวางแผนจะคุมกำเนิดในระยะยาว ควรเลือกคุมกำเนิดด้วยวิธีทั่วไป เช่น กินยาคุมแบบปกติ ใช้ถุงยางหรือห่วงอนามัย เพื่อประสิทธิภาพที่ดี และผลข้างเคียงที่น้อยกว่า

มีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน หรือกินแล้วมีผลข้างเคียงผิดปกติ  สามารถปรึกษาแพทย์ออนไลน์ได้ง่าย ๆ ผ่านแอปฯ หมอดี  ทำนัดได้รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน พร้อมมีบริการจัดส่งยาถึงบ้าน

5 ขั้นตอน ปรึกษาแพทย์ออนไลน์กับแอปฯ หมอดี 
1. ดาวน์โหลดแอปฯ หมอดี คลิก >> https://mordee.app.link/mordee จากนั้นเลือกเมนูโปรไฟล์ เพื่อลงทะเบียนเข้าใช้งาน
2. ไปที่หน้าแรกของแอปฯ กดแถบค้นหา เลือกแผนกสุขภาพผู้หญิง  หรือแผนกอายุรกรรม หรือแผนกเภสัชกรรม หากต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
3. เลือกแพทย์ที่ต้องการปรึกษา แล้วทำนัดหมาย โดยเลือกวันและเวลาที่ต้องการ แล้วเลือกรูปแบบการปรึกษาเป็น วิดีโอคอล โทร หรือ แชต จากนั้นทำการชำระเงิน หรือกรอกโค้ดส่วนลด (ถ้ามี) 
4. เข้าห้องสนทนาในแอปฯ เพื่อทำการปรึกษา เมื่อถึงเวลานัดหมาย
5. รอสรุปผลการปรึกษา พร้อมใบสั่งยาจากแพทย์ (หากมี) โดยสามารถสั่งซื้อยา แล้วรอรับยาที่บ้านได้

สอบถามเพิ่มเติมหรือปรึกษาหมอผ่านไลน์ ได้ที่ Line ID: @mordeeapp

#MorDee #หมอดี #หมอประจำบ้านในมือคุณ 
#หาหมอออนไลน์