icon-facebook icon-line icon-blockdit icon-twitter icon-instagram

ดาวน์โหลดเลย

ดาวน์โหลด qr-code
iconดาวน์โหลดแอปฯ MorDee
background
Bubble
Bubble
Bubble
Bubble

ตาบวม แบบไหนอันตราย? เป็นสัญญาณโรคอะไรบ้าง?

ตาบวม แบบไหนอันตราย?  เป็นสัญญาณโรคอะไรบ้าง? icon

ดวงตาเป็นอวัยวะที่บอบบาง และมีผลต่อภาพลักษณ์ค่อนข้างมาก เมื่อมีอาการตาบวมขึ้นมาจนดูผิดปกติ จึงอาจทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกกังวลใจ ทั้งที่เกี่ยวกับว่านี่จะเป็นสัญญาณของโรคอะไรหรือไม่  หรืออาจทำให้เสียความมั่นใจได้

 

จริง ๆ แล้ว อาการตาบวมนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยอาจเป็นความผิดปกติเล็กน้อย หรือเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงก็ได้

 

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตาบวมแบบไหนจัดว่าอันตราย? มาเจาะลึกไปพร้อม ๆ กันกับคุณหมอสุนิตา สว่างศรีบรรเทิง จักษุแพทย์ประจำแอปฯ หมอดี ได้ที่นี่เลย

 

 

ลักษณะของอาการตาบวม

  • เปลือกตาบวม รู้สึกเหมือนมีของเหลวคั่งอยู่ตรงเปลือกตา 
  • อาจมีอาการตาแดง ตาแห้ง ระคายเคืองตา ร่วมด้วย
  • อาจมีขี้ตามาก หรือน้ำตาไหลเยอะผิดปกติ


สาเหตุของอาการตาบวม 

 

1. ภาวะที่ทำให้ตาบวมชั่วคราว 

  • ภูมิแพ้ : โดยอาจมีอาการคันตา น้ำตาไหล ขี้ตาเหนียว ร่วมด้วย
  • ภาวะเกลือในร่างกายสูงผิดปกติ :  เช่น กินของโซเดียมสูงตอนกลางคืน ตอนเช้าก็อาจทำให้ตาบวมขึ้นได้
  • โดนแมลงกัดหรือต่อย : ทำให้เปลือกตาอักเสบ บวม เจ็บ
  • โรคต่าง ๆ เกี่ยวกับดวงตา : เช่น ตากุ้งยิง ตาแดง เปลือกตาอักเสบ ท่อน้ำตาอุดตัน
  • บาดเจ็บที่ตา : เช่น เกิดอุบัติเหตุที่ตา หรือขยี้ตาแรงเกินไป
  • ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง : ผู้หญิงบางรายอาจมีอาการตาบวมช่วงมีประจำเดือน หรือได้รับผลข้างเคียงจากการกินยาคุม
  • ไซนัสอักเสบ : หากมีการอักเสบที่โพรงไซนัสที่ติดกับเบ้าตา ก็อาจส่งผลให้เปลือกตาบวมได้

 

2. ภาวะที่ทำให้ตาบวมถาวร

  • อายุมากขึ้น : ผิวหนังที่เปลือกตาหย่อนยาน ทำให้ไขมันบริเวณรอบดวงตาห้อยลงมาดันเปลือกตาให้บวม
  • พฤติกรรมบางอย่าง : เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ได้รับแสงแดดมากเกินไป ทั้งหมดนี้ มีส่วนทำให้ผิวหนังแก่และเสื่อมไว ส่งผลให้ไขมันรอบดวงตาห้อยลงมาจนตาบวมนั่นเอง   

 


ตาบวมแบบนี้ อันตราย ควรพบจักษุแพทย์

  • ตาบวมผิดปกตินานติดต่อกันเกิน 2 วัน
  • มีก้อนแข็ง เป็นไต หรือมีหนองที่เปลือกตา
  • การมองเห็นเปลี่ยนไป เช่น มองเห็นได้ลดลง ลานสายตาแคบลง กลอกตาไม่ได้
  • เจ็บปวดตา บริเวณที่บวม 
  • มีขี้ตาสีเขียวเหลือง ซึ่งบ่งบอกถึงการติดเชื้อ 

 

ข้อควรระวัง! ไม่ควรซื้อยาหยอดตามาใช้เอง เพราะอาจมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ทำให้ตาบวมจากการติดเชื้อแย่ลงได้ ทั้งนี้ ควรใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ภายใต้การดูแลของจักษุแพทย์เท่านั้น

 

นอกจากนี้ “ถ้าตาบวมทั้ง 2 ข้าง และมีอาการปากบวมด้วย “ อาจสงสัยแพ้ยาอย่างรุนแรง (Anaphylaxis) ให้รีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน

 

อาการตาบวมที่อันตราย ควรรีบพบแพทย์

 

หากพบอาการตาบวมผิดปกติดังที่กล่าวมา ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัย และรับการรักษาให้เหมาะสมกับอาการ ซึ่งการรักษานั้นจะเป็นไปตามความรุนแรงและดุลยพินิจของแพทย์

 

ทางเลือกใหม่! พบจักษุแพทย์ (แพทย์เฉพาะทางด้านตา) ได้แบบสะดวกกว่า ผ่านแอปฯ หมอดี  ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ไม่ต้องรอคิวนาน ๆ ทำนัดเองได้ผ่านระบบออนไลน์ ตามวันเวลาที่คุณสะดวก พร้อมมีบริการจัดส่งยาให้ถึงบ้าน ทั่วไทย


5 ขั้นตอน ในการใช้แอปฯ หมอดี เพื่อปรึกษาจักษุแพทย์ 
1. ดาวน์โหลดแอปฯ หมอดี คลิก >> https://mordee.app.link/mordee จากนั้นเลือกเมนูโปรไฟล์ เพื่อลงทะเบียนเข้าใช้งาน
2. ไปที่หน้าแรกของแอปฯ กดแถบค้นหา เลือกแผนกตา หากต้องการปรึกษาเกี่ยวกับอาการตาบวม
3. เลือกจักษุแพทย์ ที่ต้องการปรึกษา แล้วทำนัดหมาย โดยเลือกวันและเวลาที่ต้องการ แล้วเลือกรูปแบบการปรึกษาเป็น วิดีโอคอล โทร หรือ แชต จากนั้นทำการชำระเงิน หรือกรอกโค้ดส่วนลด (ถ้ามี) 
4. เข้าห้องสนทนาในแอปฯ เพื่อทำการปรึกษา เมื่อถึงเวลานัดหมาย
5. รอสรุปผลการปรึกษา พร้อมใบสั่งยาจากแพทย์ (หากมี) โดยสามารถสั่งซื้อยา แล้วรอรับยาที่บ้านได้

 

สอบถามเพิ่มเติมหรือปรึกษาหมอผ่านไลน์ ได้ที่ Line ID: @mordeeapp

 

#MorDee #หมอดี #หมอประจำบ้านในมือคุณ 
#หาหมอออนไลน์ #ตาบวม

แชร์บทความ:

บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

ดูทั้งหมด

ยอมรับนโยบายการใช้คุกกี้

การตั้งค่าคุกกี้
นโยบายการใช้คุกกี้นี้ จะอธิบายถึงประเภท เหตุผล และลักษณะการใช้คุกกี้ รวมถึงวิธีการจัดการคุกกี้ ของเว็บไซต์ทั้งหมด โดยท่านสามารถดูรายการคุกกี้และตั้งค่าการยอมรับการใช้งาน ดูรายละเอียดเพิ่มเติม