วัคซีน HPV ยิ่งฉีดไว ยิ่งไกลมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งอื่น ๆ
วัคซีนชนิดหนึ่งซึ่งถือเป็นวัคซีนสำคัญ ที่ทางการแพทย์แนะนำให้ฉีด คือวัคซีน HPV หรือวัคซีนป้องกันมะเร็งมดลูก เพราะมะเร็งปากมดลูกนั้น ในปัจจุบันยังพบผู้ป่วยค่อนข้างเยอะ และแท้จริงแล้ว เชื้อไวรัส Human papilloma virus หรือ HPV สาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกนี้ ยังส่งผลกระทบให้เกิดโรคมะเร็งรวมถึงโรคอื่น ๆ ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อีกมาก ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย
แล้วคุณรู้ไหมว่า… วัคซีน HPV มีกี่ชนิด ควรฉีดเมื่อไร? ใครควรฉีดบ้าง? ทำไมถึงควรฉีด? และป้องกันโรคอื่น ๆ นอกจากมะเร็งปากมดลูกได้อย่างไรบ้าง? ทุกข้อสงสัย แอปฯ หมอดี ได้รวบรวมคำตอบที่ควรรู้มาไว้ในบทความนี้แล้ว
วัคซีน HPV มีกี่ชนิด? ช่วยป้องกันโรคอะไรบ้าง?
ปัจจุบัน สามารถแบ่งวัคซีน HPV แยกตามจำนวนสายพันธุ์ได้เป็น 3 ชนิด ซึ่งจะมีประสิทธิภาพ และการป้องกันโรคได้ต่างกัน โดยนอกจากวัคซีน HPV จะช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูกแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคอื่น ๆ ได้ด้วย ทั้งในเพศหญิงและชาย ดังนี้
1) ชนิด 2 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ 16 และ 18)
มีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูก ประมาณ 70% โดยจะช่วยป้องมะเร็งปากมดลูก ที่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ทั้งนี้ ยังช่วยป้องกัน มะเร็งช่องคลอด และมะเร็งปากช่องคลอดได้
2) ชนิด 4 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ 6, 11, 16 และ 18)
มีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูก ประมาณ 70% แต่นอกจากวัคซีนชนิดนี้จะช่วยป้องมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 เหมือนกับวัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์แล้ว ยังช่วยป้องกันโรคอื่น ๆ คือ มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก มะเร็งองคชาติ และหูดหงอนไก่ ได้อีกด้วย
3) ชนิด 9 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ 6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58)
มีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูก ประมาณ 90% ป้องกันได้ครบทั้ง สายพันธุ์ 6, 11, 16, 18 และเพิ่มสายพันธุ์ 31, 33, 45, 52 และ 58 ขึ้นมา นอกจากนี้ ยังสามารถป้องกันโรคอื่น ๆ คือ มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก มะเร็งองคชาติ มะเร็งคอหอย/ลำคอ และหูดหงอนไก่ได้ ซึ่งภาพรวมอาจป้องกันชนิดของมะเร็งได้ไม่ต่างจากชนิด 4 สายพันธุ์มากนัก แต่จะป้องกันเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคได้หลายสายพันธุ์กว่า แม้สายพันธุ์นั้นจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ในจุดเดียวกัน และยังมีประสิทธิภาพการป้องกันที่สูงกว่า
วัคซีน HPV ควรฉีดเมื่อใด? ควรฉีดกี่เข็ม?
- อายุ 9 - 15 ปี ควรฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 6-12 เดือน
- อายุ 15 ปีขึ้นไป ควรฉีด 3 เข็ม โดยเข็มที่ 2 ให้ฉีดห่างจากเข็มแรก 1-2 เดือน ส่วนเข็มที่ 3 ควรฉีดหลังจากเข็มแรก 6 เดือน
ฉีด 3 เข็ม ป้องกันได้นาน 10 ปี และหลังจาก 10 ปีแล้ว ยังมีประสิทธิภาพอยู่ถึง 100%
ทั้งนี้ ควรฉีดก่อนมีเพศสัมพันธ์ เน้นในช่วงอายุ 11-12 ปี หรือก่อนติดเชื้อไวรัส HPV จึงจะป้องกันได้มีประสิทธิภาพที่สุด
จะเห็นได้ว่า วัคซีน HPV นั้นมีความสำคัญ และช่วยป้องกันโรคได้อีกหลากหลาย มากกว่าแค่โรคมะเร็งปากมดลูก ที่สำคัญยังควรฉีดป้องกันโรคไว้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย ใครสนใจอยากฉีดวัคซีน HPV ให้ตัวเองและครอบครัวที่รัก สามารถพบทางเลือกใหม่ที่สะดวกกว่า กับบริการฉีดวัคซีนถึงบ้าน จากแอปฯ หมอดี มีบริการให้เลือกวัคซีน HPV แบบทุกชนิด ครอบคลุมทุกสายพันธุ์ ดำเนินการฉีดโดยพยาบาลวิชาชีพ จึงมั่นใจได้เรื่องมาตรฐานความปลอดภัย ที่สำคัญสามารถเลือกวันเวลาและสถานที่ฉีดที่ต้องการเองได้ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปฉีดที่สถานพยาบาล
ฉีดวัคซีนถึงบ้านกับแอปฯ หมอดี ดีกว่ายังไง?
ขั้นตอนการจองฉีดวัคซีนถึงบ้าน กับแอปฯ หมอดี
1. ดาวน์โหลดแอปฯ หมอดี จาก Apps Store / Play Store หรือคลิก >> https://mordee.app.link/SvBMEe2w9ub จากนั้นเลือกเมนูโปรไฟล์ เพื่อลงทะเบียนเข้าใช้งาน ด้วยเบอร์โทรศัพท์ แล้วคลิกแบนเนอร์ “บริการฉีดวัคซีน ถึงบ้าน” ซึ่งจะอยู่ที่ด้านบน ในหน้าแรกของแอปฯ
2. เลือกชนิดวัคซีนและจำนวนเข็ม กด + เพิ่มวัคซีนตามต้องการ เสร็จแล้วกดเช็กตระกร้าสินค้า
3. ชำระเงิน ผ่านบัตรเครดิต หรือพร้อมเพย์ จากนั้นกดปุ่มทำนัดหมายได้เลย หรือทำภายหลัง ในเมนู นัดหมาย
4. ทำนัดหมาย กดปุ่มเลือกผู้รับบริการ ในลิสต์วัคซีนที่ได้สั่งซื้อไว้
5. เพิ่มชื่อผู้รับบริการ กดถัดไป แล้ว เลือกสถานที่ วัน เวลา ให้เรียบร้อย แล้วกดจองนัดหมาย และยืนยัน
6. ยืนยันนัดหมาย หากการนัดหมายสมบูรณ์ จะขึ้นว่า เสร็จสิ้น
เงื่อนไขการให้บริการเพิ่มเติม :
• บริการฉีดวัคซีน HPV แบบถึงบ้าน ให้บริการเฉพาะพื้นที่กทม.เท่านั้น
• ต้องทำนัดหมายล่วงหน้าก่อนฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่า 3 วัน
#MorDee #หมอดี #หมอประจำบ้านในมือคุณ #ฉีดวัคซีนที่บ้าน